ความรู้เรื่องเกษตร

   

 โรคราน้ำค้างในข้าวโพด




 

ฝนตกทีไร มักตามมาด้วยปัญหาเกี่ยวกับเชื้อรา และตอนนี้โรคราน้ำค้างในข้าวโพดกำลังระบาด เราไปฟังข้อมูลเพิ่มเติมจากกรมวิชาการเกษตรกันค่ะ

 ในระยะนี้เริ่มเข้าสู่ช่วงฤดูเพาะปลูกข้าวโพดฝักสด กรมวิชาการเกษตร เตือนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดฝักสด อาทิ ข้าวโพดหวาน ข้าวโพดเทียน และข้าวโพดข้าวเหนียว ให้หมั่นสังเกตอาการของโรคราน้ำค้าง มักพบแสดงอาการในระยะที่เริ่มเพาะปลูกถึงระยะที่ต้นข้าวโพดมีอายุประมาณ 30 วัน ซึ่งในระยะนี้ต้นข้าวโพดจะอ่อนแอต่อโรคนี้มาก 

 โดยอาการของโรคจะพบได้ตั้งแต่ข้าวโพดเริ่มงอก เริ่มแรกจะพบจุดเล็กๆ สีเขียวฉ่ำน้ำ บนใบอ่อน ต่อมาใบข้าวโพดบริเวณยอดมีสีเหลืองซีด หรือใบลายเป็นทางสีเขียวอ่อนสลับเขียวแก่ ในเวลาเช้าที่มีอากาศค่อนข้างเย็นและความชื้นสูง ด้านใต้ใบมักพบส่วนขยายพันธุ์ของเชื้อราเป็นผงสีขาวจำนวนมาก บางครั้งพบยอดข้าวโพดแตกเป็นพุ่ม ต้นแคระแกร็น เตี้ย ข้อถี่ ไม่มีฝักหรือมีฝักขนาดเล็ก ก้านฝักมีความยาวมากหรือมีจำนวนฝักมากกว่าปกติ แต่ฝักจะไม่สมบูรณ์ เช่น มีจำนวนเมล็ดน้อย หรือไม่มีเมล็ดเลย 

 สำหรับแหล่งที่เคยมีการระบาดของโรค หากสภาพแวดล้อมเหมาะสม คือ มีอุณหภูมิต่ำ และมีความชื้นในอากาศสูง เมื่อข้าวโพดมีอายุ 5-7 วัน เกษตรกรควรพ่นด้วยสารป้องกันกำจัดโรคพืชไดเมโทมอร์ฟ 50% ดับเบิ้ลยูพี อัตรา 20-30 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือสารเมทาแลกซิล 25% ดับเบิ้ลยูพี อัตรา 30-40 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร โดยพ่นทุก 7 วัน และพ่นติดต่อกัน 3-4 ครั้ง

 นอกจากนี้ ในฤดูเพาะปลูกข้าวโพดฝักสดถัดไป เกษตรกรควรเลือกใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวโพดที่ต้านทานโรค และคลุกเมล็ดพันธุ์ก่อนปลูกด้วยสารป้องกันกำจัดโรคพืชเมทาแลกซิล 35% ดีเอส อัตรา 7-10 กรัมต่อเมล็ดพันธุ์ 1 กิโลกรัม หรือสารเมทาแลกซิล-เอ็ม 35% อีเอส อัตรา 3.5 มิลลิลิตรต่อเมล็ดพันธุ์ 1 กิโลกรัม 

 หลีกเลี่ยงการเพาะปลูกข้าวโพดในฤดูฝนที่มีสภาพอากาศเหมาะสมต่อการระบาดของโรครุนแรง กรณีพบเริ่มระบาด ให้ถอนต้นกล้าข้าวโพดที่แสดงลักษณะอาการของโรคไปเผาทำลายนอกแปลงปลูกทันที เนื่องจากเชื้อสาเหตุโรค สามารถเข้าทำลายต้นข้าวโพดได้ตั้งแต่ในระยะที่ข้าวโพดเริ่มงอก ซึ่งการพ่นสารป้องกันกำจัดโรคพืชหลังจากต้นข้าวโพดอายุ 20 วันขึ้นไป จะไม่สามารถป้องกันกำจัดโรคนี้ได้

 สารเคมีป้องกันโรค เมื่อใช้ไปนานๆ จะก่อเกิดการดื้อยามีความสม่ำเสมอทางพันธุกรรม เป็นเหตุให้เชื้อมีการปรับตัว เพื่อความอยู่รอดของเชื้อเอง 

แนะนำ เกษตรใช้สารอินทรีย์ เพียวผง คู่กับ เพียวเอ็กซ์ ในการดูแลพืชผลทางการเกษตรได้เป็นอย่างดี เพราะเพียวผงเป็นอาหารพืช ที่มีธาตุอาหารหลัก และธาตุอาหารรองครบถ้วน จะช่วยทำให้ต้นปาล์มแข็งแรงสมบูรณ์ ต้านทานต่อโรคพืช และเป็นการเพิ่มผลผลิตให้เกษตรกร และที่สำคัญ เพียวเอ็กซ์ ที่ฉีดไปพร้อมกับเพียวผงนั้น จะทำหน้าที่ป้องกันและยับยั้งโรคและแมลงต่างๆที่จะเข้ามาทำลายแปลงพืชผลทางการเกษตรต่างๆได้อย่างอยู่หมัดอีกด้วย  

เพียวXเอ็กซ์ เป็นสารอินทรีย์กำจัดโรคแมลงศัตรูพืช 

ที่ช่วยกำจัดแมลงศัตรูพืชได้ทุกชนิด และป้องกันโรคที่เกิดจากเชื้อราได้ดีอีกด้วย 

วิธีใช้ก็ง่ายมากๆ 
พียงนำ เพียวXเอ็กซ์ 1 ซอง ผสมกับน้ำ 100 ลิตร สามารถฉีดพ่นได้ถึง 6 ไร่ ซึ่งราคาถูกมากเมื่อเทียบกับสารเคมีหรือยาฆ่าแมลงที่เคยใช้ และที่สำคัญ ปลอดภัยต่อผู้ใช้และสิ่งแวดล้อม เพราะสกัดจากธรรมชาติ 100% ซึ่งเกษตรกรสามารถผสมกับสารชนิดอื่นได้ทุกชนิด จึงช่วยลดต้นทุนค่าแรงในการฉีด 

หากช่วงที่มีการระบาดของเชื้ออย่างหนัก แนะนำฉีดเข้มขึ้นขึ้น หรือฉีดบ่อยขึ้นและติดต่อกัน อย่างน้อย 3 สัปดาห์ จะช่วยกำจัดเชื้อราให้หมดไป และป้องกันการกลับมาเมื่อฉีดอย่างสม่ำเสมอ 
______________________________________

สนับสนุนโดย : เพียวเอ็กซ์ สารอินทรีย์ป้องกันโรคและแมลงศัตรูพืช
Line @kasetpure หรือคลิ๊ก http://line.me/ti/p/%40kasetpure
สามารถรับชมรายการเกษตรเพียวเพียวได้ที่ช่อง Psi 72 และที่ www.kasetnews.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ดูรายการย้อนหลังที่ www.youtube.com/kasetpurepure

ผู้เข้าชม : 487